ตำรวจไซเบอร์แถลงปฏิบัติการล้างบาง แก๊งแอปดูดเงินแนวชายแดน แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เสียหายรวมกว่า 12 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์แถลงปฏิบัติการล้างบาง แก๊งแอปดูดเงินแนวชายแดน

แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เสียหายรวมกว่า 12 ล้าน

.

วันที่ 15 ธ.ค.66 เวลา 13.30 น. ณ อาคารสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษาฯ และ นายวัลลภ รุจิรากร เลขานุการฯ ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว “CLEANING FRONTIER OPERATION ปฏิบัติการล้างบาง แก๊งแอปดูดเงินแนวชายแดน” โดยตรวจค้นจับกุมเครือข่ายผู้ร่วมกระทำผิดในการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานต่างๆ โทรหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อ แล้วดาวน์โหลดโปรแกรมที่ใช้ควบคุมโทรศัพท์ทางไกล แล้วโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายจนหมด โดยขบวนการกลุ่มนี้ได้สร้างความเสียหายแล้วรวมกว่า 12 ล้านบาท

.

จากการสืบสวน พบว่าขบวนการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงหลายคดีในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เมื่อวิเคราะห์เส้นทางการเงิน พบว่าเงินที่หลอกลวงผู้เสียหายถูกโอนต่อกันเป็นทอดๆ และเงินสดได้ถูกถอนออกในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และยังพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารที่ใช้ในการกระทำความผิดรวมกัน ในรอบ 3 เดือน มีจำนวนถึง 30 ล้านบาท โดยพบบุคคลต้องสงสัยชาวกัมพูชาที่นำบัตรกดเงินสด (บัตร ATM) ของผู้อื่นมากดเงินจากตู้กดเงินสด (ตู้ ATM) ในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และเมื่อนำบัญชีธนาคารไปตรวจสอบ พบว่า บัญชีธนาคารตามบัตรได้ถูกนำไปใช้เป็นบัญชีที่รับโอนเงินจากการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายคดีและเกี่ยวเนื่องกันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

.

โดยพฤติการณ์ที่กลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ มีลักษณะเป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สิน มีการร่วมกันวางแผนโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อสื่อสารกับประชาชนทั่วไปโดยการสุ่ม ไม่เจาะจงว่าเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ในลักษณะแพร่กระจายเป็นเครือข่ายในลักษณะแก๊ง Call Center

.

โดยการโอนเงินของกลุ่มของคนร้ายได้มีการโอนเงินต่อๆ กันไปไม่ขาดช่วงผ่านบัญชีม้าแถวต่างๆ ซึ่งเป็น

การโอน รับโอน และถอนเงิน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินเหล่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ จำนวน 26 ราย

.

พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3

สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 13 ราย เป็นชาวไทยจำนวน 12 ราย และชาวกัมพูชาผู้ทำหน้าที่กดเงินสดเตรียมนำส่งข้ามชายแดน อีกจำนวน 1 ราย พร้อมยึดของกลางเป็นเงินสด 1 แสนบาท และบัตรกดเงินสด (บัตร ATM) รวมทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารที่ใช้ในการกระทำความผิดได้รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

.

จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”

.

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลจับกุมนายหน้าผู้รวบรวมบัญชีม้า กลุ่มผู้ทำหน้าที่กดเงินสด รวมทั้งผู้ทำหน้าที่อื่นๆ ของขบวนการดังกล่าว เพื่อให้การป้องกันปราบปรามเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และเด็ดขาด มิให้สามารถนำบัญชีม้าไปใช้ในการกระทำความผิดได้อีกต่อไป

.

ตลอดเวลาที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการเร่งดำเนินการขยายผลจับกุมและทลายเครือข่ายซิมผี บัญชีม้า เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอเตือนภัยประชาชน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ รวมทั้ง อย่าเห็นแก่ประโยชน์เพียงเล็กน้อยในการยินยอมให้มีการซื้อหรือขายบัญชีธนาคาร เนื่องจากการกระทำเหล่านี้ มีความผิดตามกฎหมาย อีกทั้ง ขอให้ประชาชนพึงระลึกไว้เสมอว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีการติดต่อผ่านโทรศัพท์ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อให้ดำเนินการติดตั้งแอป หรือ ล็อกอินระบบใดใดทางออนไลน์เด็ดขาด

ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัย สามารถโทรปรึกษาสายด่วน AOC 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

.

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #แอปดูดเงิน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์

#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB